สีไก่ชนนั้นสำคัญอย่างไร

สีไก่ชนนั้นสำคัญอย่างไร


พม่าสีกรดดู่ถ้าเป็นลูกร้อยจริง หรือเลือดเข้มจริง ๆ จะมีลักษณะสำคัญคือ แข้งสีเขียวอมดำครับ แข้งสีอื่น ๆ เป็นพันธุ์ทางหรือลูกผสมครับ นอกจากสังเกตสีแข้งแล้วเรายังสังเกตสีตาได้ด้วยครับ เหล่ามาตรฐานของกรดดู่สีตาออก 3 แบบคือ ตาขาวแบบตาปลาหมดตาย หรือตาสีดำหรือตาลาย ส่วนตาสีอื่นเป็นพันธุ์ทางครับ เช่นพวกตาสีแดง ตาสีเหลืองอมแดง ตาสีขาวอมเหลือง เป็นต้น

สีที่ใกล้เคียงพม่าสีกรดดู่คือ สีกรดแดง ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับกรดดู่มาก แต่สีกรดแดงจะเป็นการผ่ามาจากเหล่าอื่นบ้างแล้วในชั้นปู่ย่าหรือ ทวด

สีอีกกลุ่มที่ที่ใกล้เคียงกรดดู่คือสีกรดเหลือง หรือกรดเหลืองส้ม พวกนี้เป็นตระกูลที่รองลงไปอีกมีความเด่นน้อยกว่ากลุ่มกรดดู่และกรดแดง คืออาจจะผ่านการผ่ามาหลายชั้นโดยการผสมแบบธรรมชาติ พวกสีกรดเหลืองแข้งจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นแข้งสีเหลืองบ้าง สีขาวบ้าง สีดำบ้างซึ่งไม่แน่นอน ส่วนสีตาก็จะเน้นเป็นสีตาเหลืองตาขาวเป็นส่วนใหญ่

ไก่พม่า พิจารณาว่าไก่พม่าที่เราได้มาสกุลสูงเพียงใด โดยมีข้อพิจารณาดังนี้

1. ดูรูปทรง ถ้ารูปทรงเป็นไก่หางหกอกตั้ง มีแนวโนมไปทางไก่พม่ามากครับ พวกนี้จะจับไม่ยาว ลักษณะลำตัวกลม ๆ หน่อยครับ (ยกเว้นการยืนของแม่สะเรียงนะครับ)
2. ดูนิสัย ถ้าเปรียวมาก ชอบนอนที่สูง แสดงว่ามีเชื้อไก่พม่าสูงครับ
3. ดูน้ำขน ถ้าน้ำขนมันวาวแสดงว่าเลือดพม่า ขนพม่าแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่มีขนดก และกลุ่มที่มีขนน้อยครับ แต่ที่เหมือนกันคือนำขนจะวาว
4. ดูลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกความเป็นพม่าสูงคือ เล็บดำ เดือยดำ อันนี้คือลักษณะไก่พม่าเลือดสูงโดยแท้
5. ดูใบหางจะเป็นใบหางก้านใหญ่กระดกขึ้นและโค้งลงพองาม ปลายหางไม่แหลมเล็ก ถ้าหางตรง ๆ แบบไทยเราก็สันนิษฐานก่อนว่าลูกผสม ปลายหางแหลมยิ่งลูกผสม ชัดเจน (ยกเว้นลักษณะหางของแม่สะเรียงนะครับ)
6. ดูตาและดวงตา จะสดใสลอยกลอกกลิ้ง ถ้าตาลึกไม่ใช่ไก่พม่าครับ
7. ดูสีขนตามตัว ถ้ามีสีตามตัวแทรกเป็นสีเดียวกับสีสร้อยปรากฎชัดเจนแสดงว่าเลือดพม่าสูงครับ

ทำอย่างไรจะรวยได้กับไก้พม่า

ทำอย่างไรจะรวยได้ กับไก่ชน ไก่พม่า


 เป็นคำถามที่ดีมาก เพราะตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า มาก็ไม่เห็นจะรวยกับไก่ชนซักที เพราะอะไรคำตาบคือ ในบางท่าน เลี้ยงแบบสุ่ม คือ เน้นปริมาณ พม่าหรือไทย ปบกันไปหมด ผสมกันมั่ว ก็ได้ตัวดีอยู่นะแต่ 20 ต่อ 1 คือ ดีตัวเดียวใน 20 อีก 19 เป็นไก่ต้มหรือไก่ซ้อมเสียมากกว่า หรือในรายที่ มีไก่ชนเก่งจริงดีจริง ก็ชนทีไม่กี่บาทและก็ขายไปบ้าง ไก่ชนไก่พม่า
ในยุคปัจจุบัน สื่อออนไลน์ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุ่น เเรงชาวไก่ชนได้ดีจริงๆ ไม่ต้องออกสนามไก่ชนให้เมื่อยเหมือนเมื่อก่อน เพียงเราไปคัดไก่ชน ประลองคัดแล้วคัดอีกว่าสุดยอด และทำให้เลือดนิ่ง จากนั้น ถ่ายคลิปและผลงานเก็บไว้ จากนั้นก็นำมาเพาะขายเลยครับ ไม่ต้องคิดมาก จะขายแบบ เป็นลูกเจี๊ยบวัดดวง หรือ ไก่ชนแบบคัด ก็ตามสบายแล้ว มาโพส ขายตาม เฟสบุค หรือ ตามเวปต่างๆ แค่นี้เมื่อมีลูกค้าสนใจ และนำไปชนชนะ หรือเริ่มดัง เงินทองก็ไหลมาเท มาครับ รวยกันไปหลายราย และต้องอย่าลืม ไปหาผลงานให้เห็นกันบ้างนะครับ ไม่งั้นจะเงียบไป ต้องโชว์ผลงานบ้าน ทั้งสนามมาตรฐานหรือสนามซ้อมก็ตาม  ร่ำรวยเงินทองครับพี่น้องไก่ชน
ไก่พม่า

พอเพียงกับอาหารไก่พม่า

ความพอเพียงกับอาหารไก่พม่า

  วัตถุดิบ                                โปรตีน                               ปริมาณที่แนะนำ
  กากถั่วเหลือง                           45, 31                              ไม่เกิน 25% ,20%
  ปลาป่น                                    50-60                               ไม่เกิน 10%
  รำอ่อน                                     8-12                                10-20%
  ปลายข้าว                                 8%                                  ไม่มีข้อจำกัด
  ใบกระถิน                                 20-24%                            ไม่เกิน 5%
  ใบมันสำปะหลัง                         20-25%                            3-7% ไก่ไข่ ไม่เกิน 15% ไก่รุ่น
  หัวอาหารสำเร็จ                         17%                                  30-50%
  หยวกกล้วยสับ                                 _                                10-30%
   
ทีนี้ลองเลือกวัตถุดิบดูครับว่าเราจะเอาตัวไหนมาใช้บ้าง ผมจะทดลองเลือกให้ดูเพื่อเป็นตัวอย่างแล้วนำมารวมเพื่อหาโปรตีนทั้งหมดสมสุติผมใช้อาหารให้ไก่กินต่อวันเท่ากับ 4kg และเลือกวัตถุดิบ กากถั่วเหลือง , รำอ่อน,ปลายข้าว ,หัวอาหารแบบสำเร็จ แล้วเอาทั้งหมดมาแทนค่าในสูตรและกำหนดปริมาณทั้งหมดให้ได้เท่ากับ 4kg กากถั่วเหลือง .5k g, รำอ่อน .5k g, ปลายข้าว.5kg หัวอาหาร 1.8 kg  และหยวกกล้ว .5kg ทีนี้เอาทั้งหมดมาหาโปรตีนรวม

กากถั่วเหลือง .5 x 45/ 4  = 5.6
  รำอ่อน         .5 x 12/ 4  = 1.5
  ปลายข้าว      .5 x 8/4      = 1
  หัวอาหาร       1.8 x 17/4 = 7.6
  กระถินป่น     .2 x 24/4   = 1.2  
รวมโปรตีน  5.6+1.5+1+7.6+1.2 = 16.9% 
 
ตัวอย่างที่สามถ้าไม่มีทั้งกากถั่วเลืองและกากน้ำเต้าหู้และใบกระถินอันนี้ต้องเพิ่มหัวอาหารให้เยอะขึ้นตามจำนวนที่หายไปแล้วนำมาคำนวณหารโปรตีนรวมใหม่วิธีคิดก็เมือนเดิมครับแต่จะช้วยลดต้นทุนนิดหน่อย

หรืออีกตัวอย่างกรณีที่ใช้กากน้ำเต้าหู้แทนกากถั่วเหลืองโดยผมใช้มากกว่ากากถั่วเหลืองเพราะมีราคาถูกแต่ไม่ควรที่จะเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ลองที่ 18% คิดเป็นปริมาณก็จะใด้  .7 kg แลผมจะลดตัวอื่นลง200 กรัมเพ่อที่จะให้ปริมาณอาหาร 4kg เท่าเดิมสมมุติผมลดปลายข้าวและรำลงอย่างละร้อยกรัมตัวอื่นยังเหมือนเดิมก็จะได้ท่ากับ

กากน้ำเต้าหู้    31x.7/ 4 = 5.4
  รำอ่อน         12x.4/4  = 1.2
  ปลายข้าว       8x.4/4    =  .8 
  ส่วนตัวที่เหลือยังเหมือนเดิม
   
 รวมโปรตีนเท่ากับ 16.2 เปอร์เซ็นต์จะน้อยกว่าใช้กากถั่วเหลืองนิดหน่อยหรือถ้าอยากได้โปรตีนเพิ่มเติมกากถั่วเหลืองสักร้อยกรัมแล้วลดปลายข้าวลงเท่าจำนวนตัวที่เพิ่มเข้าไปครับ
 และอีกวิธีสุดท้ายคือไม่ใช้หัวอาหารเลยผมใช้แค่ปลาป่นห้าเปอร์เซ็นต์ กากถั่วเหลือง ปลายข้ายหรือข้าวเปลือก รำอ่อน และหยวกกล้วยรวมโปรตีนแล้วได้13-15% ผมใช้เลี้ยงไก่พ่อพันธ์แต่ไก่บ้านตัวเมียมันแอบมาผสมโรงเรื่อยพอฟักไข่ใบโตกว่าไก่บ้านเดิมค่อนข่างเยอะผมว่าถ้าเอาไปเลี้ยงไก่ไข่ไม่น่ามีปัญหาแต่ว่าต้องเพิ่มแร่ธาตุให้เขาด้วครับหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารทั่วไปซองละไม่กี่บาทใช้นิดซื้อที
ใช้ได้นาน

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=66261.0

ลักษณะไก่ชนพม่าที่ดีและมีแววรุ่ง

ไก่พม่า พิจารณาว่าไก่พม่าที่เราได้มาสกุลสูงเพียงใด โดยมีข้อพิจารณาดังนี้

 1. ดูรูปทรง ถ้ารูปทรงเป็นไก่หางหกอกตั้ง มีแนวโนมไปทางไก่พม่ามากครับ พวกนี้จะจับไม่ยาว ลักษณะลำตัวกลม ๆ หน่อยครับ (ยกเว้นการยืนของแม่สะเรียงนะครับ)
2. ดูนิสัย ถ้าเปรียวมาก ชอบนอนที่สูง แสดงว่ามีเชื้อไก่พม่าสูงครับ
3. ดูน้ำขน ถ้าน้ำขนมันวาวแสดงว่าเลือดพม่า ขนพม่าแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่มีขนดก และกลุ่มที่มีขนน้อยครับ แต่ที่เหมือนกันคือนำขนจะวาว
4. ดูลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกความเป็นพม่าสูงคือ เล็บดำ เดือยดำ อันนี้คือลักษณะไก่พม่าเลือดสูงโดยแท้
5. ดูใบหางจะเป็นใบหางก้านใหญ่กระดกขึ้นและโค้งลงพองาม ปลายหางไม่แหลมเล็ก ถ้าหางตรง ๆ แบบไทยเราก็สันนิษฐานก่อนว่าลูกผสม ปลายหางแหลมยิ่งลูกผสม ชัดเจน (ยกเว้นลักษณะหางของแม่สะเรียงนะครับ)
6. ดูตาและดวงตา จะสดใสลอยกลอกกลิ้ง ถ้าตาลึกไม่ใช่ไก่พม่าครับ
7. ดูสีขนตามตัว ถ้ามีสีตามตัวแทรกเป็นสีเดียวกับสีสร้อยปรากฎชัดเจนแสดงว่าเลือดพม่าสูงครับ

อีกตำราจากเพื่อนบ้าน บทความน่าสนใจครับ 
1.ความเปรียวมีให้เห็นทุกตัว แต่ไม่ใช่เปรียวแบบกลัวคนลนลาน ขนหัวตั้งแบบนั้นใช้ไม่ได้ครับ ไก่พม่าเก่งจะเปรียวแต่เปรียวแบบนักเลง คือดุ ๆ ในตัว บางตัวเปรียวแบบขี้เล่น คือวิ่ง ๆ มอง ๆ ชำเลืองดูเราตลอด ส่วนประเภทเปรียววิ่งหน้าตั้งไม่ค่อยเห็นเก่งครับ อาจจะมีแต่น้อยเพราะคนเลี้ยงคงเบื่อประมาณนั้นครับ

ส่วนพม่าเชื่อง ๆ ไม่ค่อยเห็นเก่งครับยกเว้นพวกลูกผสม

2. หน้าตาจะออกตากลมสวยงาม ใบหน้ามักจะออกกลม ส่วนใบหน้าแหลมเล็กมักจะใจน้อยครับ สีตามาตรฐานไก่พม่าเก่ง ๆ ตาสีขาวร้อยละ 80 ครับ ตาจะสดใจมีคิ้วพอสวยงาม ประเภทตาลอย ๆ ก็มีเก่งครับแต่ใจไม่ร้อยเหมือนพวกมีคิ้วครับ

3. พวกหงอนหมูบ หงอนชี้หรือหงอนพญานาคหรือหัวจุก จะเก่งมากกว่าหงอนแบบอื่น ยกเว้นพวกลูกผสมมีหงอนหลายแบบครับ สังเกตดูพวกหงอนฑยานาคกับหงอนหมูบ และหัวจุกจะฉลากมากกว่าและมักจะออกลีลาพม่ามากกว่าหงอนแบบอื่น ซึ่งแสดงว่ามันเลือดสูง และพวกนี้มักจะถ่ายทอดสายพันธุ์ได้ดีด้วยครับ

4. พวกสีสาแข้งดำขาดำตาดำหรือขาว สีสาขาวแข้งขาวตาขาว สีกรดดู่ สีกรดแดงออกแข้งขาวอมดำอมเหลือง สีเทาโย  พวกนี้เป็นสีหลักครับ มักจะเก่งถ่ายทอดลูกได้ดี แสดงถึงสายเลือดสูงครับ

5. พวกแข้งเล็กแห้งตีเจ็บจริง ๆ ครับ พวกแข้งเปียกความเจ็บลดลง แต่พวกแข้งเล็กมักจะมีปัญหายืนดินไม่ดี กล้ามเนื้อน้อยเลี้ยงยากหน่อยนะครับ พวกแข้งใหญ่ตีหนักดีแต่ความเร็วเป็นรอง มีข้อได้เปรียบยืนดินดีเลี้ยงง่ายกว่าพวกแรก ครับ พวกแข้งมีลักษณะเด่นเหมือนตำราไทย ๆ มักตีเจ็บจริงครับ เช่นมีเกล็ดพิฆาต มีแข้งหลังเต็มนูน มีเกล็ดบัวหลังยาว ๆ ฯลฯ พวกเกล็ดเรียบ ๆ มีเหล็ดแข้งสวย ๆ นี่มักจะเก่งจริง ๆ ครับ เช่นสองแถวปัดตลอด สามแถวเป็นระเบียบ ขอให้แข้งกลมเล็ก  เดือยงาม มักจะเก่งครับ

6. พวกคางเคราก็มักจะเก่งครับ ให้ลูกออกมาคางเคราสวยงามดีหงอนไม่ฟุ่มเฟือย เวลาผสมถ้าใช้แม่เหล่าคางเคราตั้งต้นมักจะได้ไก่สวย ๆ เกร่งครับ

7. พวกอุ้งหนาชอบลงพื้นเป็นหน่อเหล่าพวกนี้มักเป็นไก่แข้งหนักครับ แต่ความเร็วเป็นรองพวกอุ้งบาง ๆ แต่อาจจะมีลำสลบ ยิ่งพวกไม่ค่อยออกตอยิ่งลำใหญ่ครับ คล้ายตำราไก่ไทย

8. พวกกล้ามเนื้อเหลว ๆ มักไม่เก่งจริงครับ จับดูถ้าเนื้อนิ่ม ๆ ก็ไปได้ชมรม นักสู้แท้มักกล้ามเนื้อดีเนื้อแน่น

คัดลอกบทความจาก
http://kanbbkfc.blogspot.com/2014/08/blog-post_49.html


โดนไก่ชน ป่าก๋อยย้อมแมว ย้อมสี ทำยังไงดี

โดนไก่ชน ป่าก๋อย ย้อมแมว ย้อมสี ทำยังไงดี


อย่าตกใจนะครับ ที่ว่าย้อมแมวย้อมสีคือ ตอนเปรียบชนดูยังไงก็พม่าแต่พอปล่อยหางหลับชนเป็นเชิงป่าก๋อยหรือ ไทย 100 เฉยเลย อันนี้อยู่ที่เทคนิคครับลูกครึ่ง สายแข็ง ถ้าบังเอิญไก่ชนเราเป็นพม่าที่เสียเชิงให้ไก่ชนก็จบกัน ถึงจะมองที่โครงสร้างล่ะ ก็มองยาก
แต่มีเทคนิคมาฝากคือ ถ้าจับไก่แล้วปล่อยแล้วมันเดินไปข้างหน้าจะเป็นไก่ชนไทย แต่ถ้าจับปล่อยแล้วนิ่งหรือถอยคือพม่า อันนี้ต้องลองดูกันนะครับ ว่าจริงไหม

ไก่พม่า100 เงินล้าน คลิปเจ้าสาตีตาย



ไก่พม่า100 เจ้าสาตีตาย ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไก่พม่า100 เงินล้าน คลิปเจ้าสาตีตาย กับลีลาพม่าเต็มขั้น ฆ้อนหนักแม่น ตีทีมียุบมีล้มทั้งยืน เจ้าสาตีตาย รับชมครับ

หลักการกราดน้ำให้ปีกไม่เปียก

หลักการกราดน้ำให้ปีกไม่เปียก


นำไก่ป่าก๋อยที่ต้องการออกมาดูข้าวในกระเพาะไก่ชนว่ามีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีข้าวเลยต้องให้ไก่ป่าก๋อยกินข้าวเปลือกประมาณ ¼ กระเพาะ ถ้าไม่มีข้าวเมื่อกราดน้ำไก่จะหนาวมาก เพราะในกระเพาะไม่มีอะไรที่จะเผาผลาญความร้อนให้แก่ร่างกายไก่เลย ดังนั้นในการกราดน้ำไก่ชนจึงจำเป็นต้องมีข้าวเปลือกในกระเพาะพอประมาณจากนั้น นำเอาถุงพลาสติกมาสวมที่ปีกทั้งสองข้างเพื่อป้องกันน้ำเปียกปีกไก่ ถ้าน้ำเปียกปีกไก่ชนจะทำให้ใยปีกไม่แตกเมื่อใยปีกไม่แตกไก่ป่าก๋อยจะบินไม่ดี เพราะปีกไม่กินลมหรือกินลมน้อยลงจึงทำให้บินไม่สูง ขั้นที่ 2 จะกราดน้ำตรงไหน
ก่อนก็ได้ เช่น ที่สร้อยคอ ขนทรงอก หรือใต้ปีก แต่ต้องกราดน้ำโดยการใช้ผ้าเช็ดตามขนไก่ชน  อย่าย้อนขนไก่ชนเด็ดขาดเพราะจะทำให้ขนไก่หักได้ สำหรับที่ไม่ให้เปียกเด็ดขาด คือ ปีกและหางไก่ แล้วนำผ้าแห้งมาเช็ดอีกทีหนึ่งจนขนไก่แทบจะแห้งอย่าปล่อยให้น้ำแฉะหยดเด็ด ขาด การเด็ดด้วยผ้าแห้งเท่ากับการนวดกล้ามเนื้อไก่ไปในตัวด้วย ขั้นที่ 3 นำไก่ที่เช็ดด้วยผ้าแห้ง(พอหมาดๆ) ไปนามกับกระเบื้อง การนามกระเบื้อง จะทำให้หนังไก่หนาและเหนียวมากยิ่งขึ้น โดยนำกระเบื้องมาเผาไฟให้ร้อน(สมัยนี้ใช้กระเบื้องที่ทำขายทั่วไปของร้ายขาย อุปกรณ์ไก่ชน) หลังจากนั้นนำผ้ากราดน้ำไปชุบน้ำแล้วบีบน้ำออกไปนำคลึงลงบน
แผ่นกระเบื้องที่ ร้อนนำมาทดลองกับขาของเราดูก่อนว่าร้อนเกินไปหรือไม่ ถ้าพอดีแล้วก็นาบลงบนหน้าไก่ คอ ปีก ปั้นขา จนทั่วทั้งตัว ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่กราดน้ำจะทำให้หนังไก่หนาและเหนียวขึ้นทุกที ขั้นที่ 4 นำไก่ที่ลงกระเบื้องแล้วไปลงขมิ้นที่ผสมกับปูน ควรนำไก่ลงไปทั้งตัวโดยใช้แปรงสีฟันจุ่มขมิ้นที่ผสมกับปูน แล้วแปรงไปตามขนไก่ชน(อย่าทวนขนไก่เด็ดขาดเพราะขนไก่ชนจะหักได้) ทุกๆเส้นขนจนทั่วทั้งตัว ยกเว้นปีกไก่กับหางไก่ป่าก๋อย ครั้งที่ 2หรือครั้งต่อๆไปไม่ต้องลงทั้งตัวก็ได้ลงเฉพาะส่วนที่ไก่จะถูกคู่ต่อสู้ตี เท่านั้น เช่น หน้าอก ปั้นขา ปีก แล้วถอดถุงพลาสติกออกนำไก่ชนไปใส่สุ่มตากแดดพร้อมกินข้าวเปลือกที่เตรียมไว้ ให้จนอิ่มเป็นการเสร็จสิ้นการกราดน้ำไก่ชน ข้อควรระวัง เครื่องมือในการกราดน้ำ เช่น ผ้าเช็ดน้ำไก่ป่าก๋อย  ขนไก่ที่ใช้ปั่นคอแต่ละตัวอย่าใช้ปนกัน เพราะจะทำให้ติดโรคกันได้หรือทางที่ดีควรป้องกันไว้ คือ ต้มทุกครั้งหลังใช้จะดีมาก

สูตรยาบำรุงไก่ชนทำเอง

สูตรยาบำรุง ไก่พม่า100 ทำเอง

ไก่ชนพม่า100 สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการบำรุงครับ วันนี้ผมขอเสนอสูตรยาสมุนไพรมาเพื่อท่านที่สนใจนำไปใช้ครับ เอาสูตรง่าย ๆ นะครับหาวัสดุง่าย ๆ

1. กระทียม 1 กก ตากแห้ง
2. กระชาย 1 กก ตากแห้ง
3. บอระเพ็ด 2 กกตากแห้ง
4. ขิง ครึ่ง กก.ตากแห้ง
5. หัวหญ้าแห้วหมู ครึ่ง กก.(ถ้ามี) มันหายากหน่อยบางพื้นที่
6.ปลากั้ง 1 กก. หรือ ปลาไหล หรือปลาช่อน ย่างไฟให้สุก ตากแห้ง
7. กล้วยน้ำว้า 1 กก ตากแห้ง
8. โสม (ถ้ามี) ไม่มีไม่เป็นไรเอาสูตรพอเพียง
9. ดีปลี (ถ้ามี) ไม่มีไม่เป็นไร

            ทั้หมดนี่บดหรือตำให้ละเอียดครับ อาจใช้เครื่องปั่นสะดวกกว่า แต่ใช้แล้วล้างให้ดีเดี๋ยวเมียด่า
ผมไม่รับรู้ด้วยนะ เมื่อบดแล้วเอามาผสมคลุกเคล้ากันครับ ใช้น้ำผึ่งป่าหนึ่งขวดเป็นตัวผสมคลุกให้เข้ากัน ปั้นเป็นลูกกลอนหรือถ้าไม่สะดวกก็ใส่กล่องพลาสติคเก็บไว้ใช้เลยครับ ยานี้ควรใช้เมื่อำไก่เข้าครอสเลี้ยงออกชนแล้วครับ คือใช้ช่วง 14-21 วันก่อนออกชน วันละ 2 เวลาเช้าเย็นก่อนอาหารครั้งละ 1 ก้อน เท่าครึ่งข้อนิ้วก้อยนะครับ แต่ถ้าท่านต้องการให้ก่อนระหว่างเลี้ยงก็ได้ครับ เพียงแต่ท่านจะไม่เห็นความคึกพร้อมชนของมันเท่านั้นเอง

ที่เด็ดเกล็ดพิฆาต ไก่พม่า100 เงินล้าน

ที่เด็ดเกล็ดพิฆาต ไก่พม่า100 เงินล้าน
1.เกล็ดบัวแข้งหรือเกล็ดพลายน้ำ จะขึ้นจากข้อขาบนตรงน่องสิงห์เรียงลงมาตามสันหลังแข้ง ถ้าเรียงตรงแบบปูกระเบื้อง ถือว่าธรรมดา ถ้าเรียงซ้อนกันลงมาแบบมุงหลังคา ถือว่าดี ถ้าเรียงหงายขึ้นถือว่าธรรมดา ถ้าเรียงคว่ำถือว่าดี ถ้าเรียงลงมาไม่ถึงเดือยหรือแค่ครึ่งแข้งกว่าถือว่าไม่ดี เรียกบัวขาด หรือถอดหัวหนี จะถอดใจง่าย เวลาชน ไม่อดทน ถ้าเกล็ดบัวเรียงลงมาเลยเดือยมากๆ ถึงถุงเงินถือว่าดี อดทน แพ้ยาก ถ้าเกล็ดบัวหลังแตก ถือว่าดี แข้งคม ตีไก่ได้เลือด มีหักมีชัก

2.เกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพด คือ เกล็ดด้านหลังแข้งตรงท้องแข้งที่ขึ้นเรียงต่อจากเดือยขึ้นไปหา
 ข้อขาบน ถ้า

3.เกล็ดเต่งยาวเรียกเม็ดข้าวสาร ถ้าเกล็ดเต่งกลมเรียกว่าเม็ดข้าวโพดถือว่าดี ถ้าเกล็ดเม็ดข้าวสารหรือเม็ดข้าวโพดลีบแบน เรียกอันบอด ถือว่าไม่ดี


4.เกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพด ขึ้นต่อจากเดือยเรียงตรงขึ้นไป ถึงข้อขาบนได้ ๑๒ เกล็ด ถือว่าสุดยอด เรียกข้าวสารพระอินทร์ จะตีไก่เจ็บปวดมาก และไม่แพ้ใคร ถ้าเลี้ยงดีเปรียบดี


5.เกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพด เรียงไม่เป็นระเบียบ ขนาดไม่สม่ำเสมอ ถือว่าสับสน เล่นต้องระวังอย่าเผลอ

ให้ดูตรงเม็ดที่ขัดออก นอกแถว ถ้าเต่งจะดี ถ้าบอดจะไม่ดี จะเล่นหรือจะออกตัวให้พิจารณาดูตรงนี้ เพราะเกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพดจะเป็นตัวบ่งบอกอันไก่ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี ชนได้ประมาณกี่อัน เช่น ถ้าเกล็ดเม็ด ๑-๒-๓ ใหญ่ แต่ตรงเม็ดที่ ๔ เล็กบอดและขัดออกมานอกแถว ไก่จะเป็นรองในอันนั้น หรือ แพ้อันนั้น ถ้าเกล็ดเม็ด ๑-๒-๓ เล็กเฉ เม็ด ๔-๕-๖ ใหญ่ ตรงเม็ดที่ ๖ ใหญ่มาก ไก่จะเป็นต่อและอาจชนะในอัน ๖ ให้เริ่มเล่นได้ในอันที่ ๔ ไก่ที่มี เม็ดข้าวสารมากๆดีกว่า มีเกล็ดเม็ดข้าวสารเม็ดข้าวโพดน้อย

.6.เกล็ดเสริมเม็ดข้าวสาร คือ เกล็ดที่ขึ้นคู่ด้านข้างเกล็ดเม็ดข้าวสาร ขาทั้งสองข้าง ถ้าเกล็ดเสริมเม็ดข้าวสารมีข้างละสองแถวเรียงตรงกัน ขึ้นไป เม็ดเกล็ดเต่งตึง แบบเม็ดข้าวสาร ถือว่าดี ตีไก่เจ็บมาก ค่อนข้างหายาก

7. เกล็ดสังวาลย์หรือสร้อยสังวาลย์ เป็นเกล็ดด้านข้างอยู่ด้านนอกของแข้งไก่ เรียงตั้งแต่บริเวณเดือนขึ้นไปถึงข้อขาบนทั้งสองข้างขา ถ้า เกล็ดสังวาลย์มีข้างละสามแถวตลอด จะเป็นไก่รักศักดิ์ศรี รักเดิมพันจะไม่ยอมแพ้ไก่ใด ถ้าสองแถวพอใช้ได้ ถ้าแถวเดียวเม็ดเต่งจะเป็นไก่ตีเจ็บปวดดี เกล็ดสังวาลย์จะบ่งบอกความสมบูรณ์ของไก่ ถ้าเกล็ดสีสด ไก่สมบูรณ์ ถ้าเกล็ดสีซีดไก่ไม่สมบูรณ์

8.เกล็ดสังวาลย์เพชร คือ เกล็ดแข้งขึ้นเรียงคู่กับเกล็ดสร้อยสังวาลย์ด้านติดกับบัวหลังลักษณะเกล็ดเหมือนๆเกล็ดบัวหลัง เรียงจากบริเวณเดือย ขึ้นไปถึงข้อขา มีอิทธิฤทธิ์พิษสงร้ายแรง ตีไก่ล้มได้

.9.เกล็ดเต๋า เป็นเกล็ดกลุ่มเล็กๆกลุ่มละ ๔,๕,๖ คล้ายจุดบนลูกเต๋า จะอยู่ด้านข้างแข้งใต้เกล็ดสร้อยสังวาลย์และเกล็ดบัวหลังลงมาแถวใต้เดือยถึง ก้อย มีลักษณะคล้ายเกล็ดดาวล้อมเดือน เป็นเกล็ดเสริมความดีของไก่ เป็นไก่พลิกผันไปในทางดีได้ ถ้าเป็นรองก็จะเป็นต่อได้ เรียกว่ารองเล่นได้


10.เกล็ดพวงมาลัย คือ เกล็ดที่ขึ้นล้อมรอบเดือยเหมือนพวงมาลัยล้อมผมจุกเด็กเป็นไก่ใช้ตอแทงจัด

11.เกล็ดเชลยหรือเกล็ดเดิมพันหรือเกล็ดประทัดช้าง เป็นเกล็ดขึ้นต่อจากโคนนิ้วก้อยขึ้นอ้อมเดือยด้านในเรียงขึ้นไปถึงข้อขาบน ถือว่าเป็นไก่รัก เดิมพัน มีเชลยหรือตัวแพ้มาเป็นคู่ชนของมัน ยิ่งตีเดิมพันยิ่งแพงยิ่งดี ได้คู่หมู จะชนะแบบไม่เจ็บตัว เวลาเปรียบให้สังเกตถ้ามันรบเร้าจะจิกตีไก่ ตัวใดหรือไก่ตัวใดรบเร้ามาเปรียบบ่อยๆ ให้เอาตัวนั้นจะชนะได้ง่ายๆ

.12.เกล็ดไชบาดาล คือ เกล็ดก้อยด้านหลังแตกทุกเกล็ดทั้งสองข้าง เป็นไก่ตีหักตีชัก ตีไก่แพ้ได้ง่าย

13.เกล็ดพิฆาต คือ เกล็ดพิเศษในไก่ที่แสดงว่าไก่นั้นมีลำแก้ ลำหัก ลำโค่น สามารถเอาชนะไก่ได้ง่าย เช่น เกล็ดเสือซ่อนเล็บ เหน็บใน ไชบาดาล ผลาญศัตรู งูจงอาง จักรนารายณ์ สังวาลย์เพชร ฟ้าผ่า พญานาค จระเข้ขบฟัน หนุมานนั่งแท่น ราหูอมจันทร์ เป็นต้น

ไก่พญา พระเจ้า 5 พระองค์

ไก่พญา พระเจ้า 5 พระองค์

๑. ไก่ห้าพระยา (พระยา ไม่ใช่ พญา) เป็นไก่มงคล ๕ สีในตัวเดียวกัน คือ ดำ, แดง, ขาว, เขียว, เหลือง ทีสร้อยคอ สร้อยหลัง สร้อยปีก จะมี ๕ สี นับเป็นไก่มงคลสูงสุด มีค่าควรเมือง ไก่เจ้า, ไก่ขุน, ไก่พระยา เลี้ยง บางตำราเรียกว่า “ไก่เบญจรงค์” เลี้ยงไว้ในบ้านจะเป็นมงคลสูงยิ่งกว่าไก่อื่นใด เพราะคุณตามสีไก่ทั้ง ๕ (เบญจรงค์) จะนำทรัพย์สินเงินทองมาสู่เจ้าของมิได้ขาด เป็นไก่นำโชคลาภมาสูเจ้าของโดยแท้

๒. ไก่พระเจ้า๕ พระองค์ จะเป็นไก่มีมงคลสี ๔ สี(จตุรงค์)ในตัวเดียวกัน คือ ขนพื้นตัว ดำ, หน้า แดง, หย่อมกระ ๕ พระองค์ ขาว , สร้อย เหลือง โบราณถือเป็นว่ามีเทพรักษา ๕ แห่ง ๕ พระองค์ เรียก”ไก่พระเจ้า ๕ พระองค์” เป็นไก่สกุลสูง ไก่เจ้า ไก่พระยาเลี้ยง ชาวบ้านหากได้เป็นเจ้าของจะเป็นมงคลสี ๔ อย่าง ร่ำรวยทรัพย์ มีบริวารมาก มีชื่อเสียงเป็นที่นับถือของคนทั่วไป

๓. ไก่พญาหงส์เป็นไก่สีมงคลทั่วๆไป ทีพิเศษคือ ปลายปากจะงองุ้มดุจตะขอ ปีกยาว หัวปีกยก หางดกเป็นฟ่อน เดินหยิบโหย่ง ท่วงท่าสง่างามยิ่ง ใครได้เป็นเจ้าของ จะเป็นเมตตา มหาเสน่ห์ ในทางชู้สาว เป็นชายจะมีหญิงหลงรักมาก หากเป็นหญิงจะเป็นที่หมายปองของชายดีๆมากเช่นกัน นำทรัพย์สิน ชื่อเสียงมาสู่ ผู้เป็นเจ้าของ

๔. ไก่ทรงไตรภพ เป็นไก่สีมงคลทั่วๆไป ที่พิเศษคือ จะมีขนขึ้นในลำคอ กลิ่นปากดุจดังกระแจะจันทร์
ลายขนเป็นรูปคล้ายอักษรขอม หากได้เป็นเจ้าของจะเป็นคนมีเสน่ห์แรง ภาชนะใส่อาหาร,น้ำ ไก่ทรงไตรภพ ควรเป็นเงิน,ทอง,นาค จึงจะคู่ควรแก่ไก่ น้ำที่เหลือจากไก่กิน นำไปรดพืชผัก ประพรมสินค้า จะขายดี รำรวยเป็นเศรษฐีได้ง่ายๆ

๕. ไก่จบกระบวนยุทธ์ คือไก่ที่ชนเก่ง ไม่เลือกสีเลือกสกุล แต่มีชั้นเชิงการชน แพรวพราว ล้ำเลิศเหนือไก่อื่นใด ตัวนี้แหละเอาไว้ชนเดิมพันธุ์ เป็นไก่ตีล่ารางวัล ปัจจุบันลองนึกดูครับ รวย ไม่รวย ตีก็ชนะ เพราะลูกได้เท่าก็ขายได้หมด ตัวไก่ก็มีมูลค่าสูง

๖. ไก่พูดรู้ภาษา คือไก่แสนรู้ฟังคำสั่งจากเจ้าของรู้เรื่อง เหมือนกับหมาและสัตว์อื่นๆที่แสนรู้ ไก่นี้มีมงคล

ถ้าเจ้าของรู้จักใช้รู้จักฝึก โบราณว่าไว้ เมื่อนำไปเปรียบชน ให้ถามเค้าทำนองว่า เอาหรือไม่? สู้ได้หรือไม่? ไหวหรือไม่?…เมื่อเค้าแสดงอาการกระตือรือร้นจะสู้ แสดงว่าเค้าจะชนะตัวนั้นได้ แต่ถ้าเค้าหลบหน้าคือไม่เอาไม่สู้ เค้าจะสู้ไม่ไหว ถ้าชนจะแพ้ ไก่พูดรู้ภาษา เป็นไก่มีญาณรู้กาลข้างหน้า ใครได้เป็นเจ้าของ ก็ทำนองเดียวกับ ไก่จบกระบวนยุทธ์

ไก่มงคลเหล่า
นี้เหมือนสิ่งสักสิทธิ์ ให้คุณแก่เจ้าของ ช่วยเสริมบุญบารมี

ข้อคิดดีๆ ในการทำธุรกิจส่วนตัวให้ประสบความสำเร็จ

ข้อคิดดีๆ ในการทำธุรกิจส่วนตัวให้ประสบความสำเร็จ ^ ^
>คิดได้ แต่ไม่ทำก็ไม่มีวันสำเร็จ ต้องทำและทำทันที จะได้ไม่ต้องเสียใจว่าไม่ได้ทำตามที่คิดได้<
>ไม่มีเวลา คือข้ออ้างของคนขี้เกียจ<
>สิ่งที่คนมองข้าม นั่นแหละคือโอกาสของเรา<
>คิดและทำมากกว่าพูด<
>ขยันไม่ถูกช่องทาง ไม่ถูกวิธี ก็ไม่มีวันรวย<
>9 ชีวิตเยอะสำหรับแมว แต่น้อยสำหรับนักธุรกิจ ล้มแล้วต้องลุกได้เสมอ<
>มีความรู้อยู่กับตัวไม่ต้องกลัวว่าล้มเหลว<
>รู้ลึก รู้จริง เก่งด้านเดียวก็รวยได้<
>ต้องรู้จักพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ การย่ำอยู่กับที่คือการถอยหลัง<
>ทำธุรกิจย่อมมีปัญหา รู้แล้วจงอย่ากลัว<
>ธุรกิจที่มีคนทำเยอะ เพียงแค่เราทำให้ดีกว่าก็แตกต่างแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดใหม่ทำใหม่เสมอไป<
>อย่าตั้งเป้าหมายไกลเกินตัว มันจะทำให้คุณท้อได้ เพราะไปไม่ถึงเป้าหมายเสียที<
>อย่ามัวแต่ตั้งคำถาม ถ้าไม่ทำก็ไม่เจอคำตอบ<
>คลื่นลมแรง เรือเล็กควรออกจากฝั่ง (เป็นแฟนเพลงบอดี้สแลม)<
>กำลังใจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเรารู้ว่าทำเพื่อใคร<
>ของแพง ขายยาก แต่กำไรดี รวยเร็ว<
>แค่เปลี่ยนแนวคิด ชีวิตก็เปลี่ยนได้ แต่มันยังไม่เปลี่ยนถ้าเรายังไม่ลงมือทำ<
>ร้อยรู้หรือจะสู้ลงมือทำ<
>เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือปลาร้ายังมีหนอน อย่าคิดว่าเราเก่งที่สุด ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ<
>อย่าทำตัวเป็นน้ำที่เต็มแก้ว ให้ทำตัวเป็นแก้วที่ว่างเปล่าพร้อมที่จะรับเอาความรู้ใหม่เสมอ<
>วิธีประสบความสำเร็จไม่สามารถระบุจำนวนได้<
>ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้ดีกับการทำธุรกิจ<
>อย่าลืมจุดกำเนิดของตัวเอง<
>อยากทำธุรกิจอย่ามองข้ามการออม<
>ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีเงิน<
>ทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง<
***>คนจำนวนมากอยากมีอิสระไม่อยากเป็นลูกน้องของใคร แต่คนจำนวนมากเช่นกันที่อยากเป็นเจ้านายของคนอื่น<
>ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เป็นเรื่องจริงเสมอ<
>ต้องรู้จักบริหารเวลา เพราะเวลาเป็นต้นทุนที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย<
>มีเงินเยอะแต่ไม่ฉลาดใช้ไม่นานเงินก็จะหมด<
>ความเพ้อฝันไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อสำหรับคนทำธุรกิจ<
>การทำธุรกิจต้องมีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่าลอกเลียนแบบคนที่สำเร็จ ควรดูเป็นแค่ตัวอย่าง<
***>เราไม่รู้ว่าจะมีชาติหน้าหรือเปล่า คนเราเกิดมาชาติเดียวอยากทำอะไร ต้องลงมือทำ สิ่งที่เราได้จากการลงมือทำคือประสบการณ์ แล้วซักวันหนึ่งความสำเร็จจะเป็นของเรา<

หลักการทำให้ หัวใจเศรษฐี

วันนี้ ผมมีบทความดีๆมาฝากชาวไก่ชนกันครับ เป็นหัวใจเศรษฐี ที่น่าจะมีประโยชน์


หัวใจเศรษฐี ก็คือ หลักธรรมที่นำไปสู่จุดหมายนั่นเอง จะทำอะไรก็สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ค้า พนักงานบริษัท นักธุรกิจ นักการเมือง ถ้านำหัวใจเศรษฐีนี้ไปปรับใช้กับชีวิตก็รับประกันได้ถึงความสำเร็จ

หัวใจเศรษฐีมีอยู่ 4 ประการ คือ

1. อุ มาจาก อุฏฐานสัมปทา แปลว่า ขยันหา

2. อา มาจาก อารักขสัมปทา แปลว่า รักษาดี

3. กะ มาจาก กัลยาณมิตตตา แปลว่า มีกัลยาณมิตร

4. สะ มาจาก สมชีวิตา แปลว่า ใช้ชีวิตพอเพียง

ทีนี้ก็มาดูทีละข้อว่าจะต้องทำอย่างไร

อุ คือ ขยันหา หมายความว่า อย่าเกียจคร้าน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องเดินไปข้างหน้าทันที เงินเป็นของกลาง ใครเดินเข้าไปหาก็เป็นของคนนั้น เงินไม่ได้ถูกผูกขาดไว้เป็นสมบัติของคนรวย เงินถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นสมบัติของคนทั้งโลก ใครขยันมากก็ได้มาก ใครขยันน้อยก็ได้น้อย ใครไม่ขยันเลยก็ไม่ได้เลย

เงินชอบคนขยัน ถ้าเห็นใครขยันก็จะกระโดดไปอยู่ด้วย แต่ถ้าคนขี้เกียจ เขาก็ไม่อยากอยู่ด้วย เงินก็จะกระเด็นหนีไปหมด

อา คือ รักษาดี หมายความว่า เงินเข้ามือซ้าย มือขวาต้องเก็บ เงินเข้ามือขวา มือซ้ายต้องเก็บ ไม่ใช่เงินเข้ามาทางซ้าย ปล่อยให้ไหลไปทางขวา เงินเข้ามาทางขวา ปล่อยให้ไหลออกไปทางซ้าย อย่างนี้ไม่มีทางรวยแน่นอน เราต้องรู้จักเก็บ เก็บรักษาให้ดี

พระพุทธองค์ สอนวิธีรักษาเงินไว้ว่า เมื่อทำมาหากินโดยชอบแล้ว ได้เงินมาก็ต้องแบ่งเป็นส่วนต่างๆดังนี้

1. เก็บเป็นเงินสำรองคงคลังไว้ก้อนหนึ่ง เผื่อเจ็บไข้ขึ้นมาก็ไปเบิกใช้รักษาตัว คนมีเงินสำรองคงคลังเยอะๆ สุขภาพจิตจะดีเป็นพิเศษ คนที่มีเงินเยอะๆจะหัวเราะเสียงดัง เวลาไปวัดก็นั่งแถวหน้า ไม่กลัวซองผ้าป่าเลย

2. แบ่งเงินมาใช้กินด้วย เงินเป็นสิ่งสมมุติ ชีวิตมนุษย์เป็นของจริง เงินจะมีค่าต่อเมื่อนำมาใช้ เงินที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ของเงิน อย่าเก็บไว้จนเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ คนอื่นก็ไม่ได้กิน ตัวเองก็ไม่ได้กิน

3. เอาเงินมาต่อเงิน คือ ให้รู้จักทำธุรกิจนั่นเอง แต่อย่าให้เกินกำลัง เวลาเรามีเงินก็ให้ดูช่องทางว่า จะต่อยอดธุรกิจอะไรจากเงินตรงนี้

4. รู้จักเสียภาษี เพราะเราเกิดแผ่นดินนี้ อยู่แผ่นดินนี้ เราเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดิน อย่าหลีกเลี่ยงการเสียภาษี รวยแล้วให้ ได้แล้วแบ่งปัน คือ สูตรของพระพุทธองค์ 5. บำรุงสมณชีพราหมณ์ ให้กินอิ่มนอนอุ่น มีกำลังใจออกไปเทศน์ไปทำบุญ เพื่อรักษาธรรมไว้ให้สังคม 6. อุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ

กะ คือ กัลยาณมิตตตา คือ รู้จักคบคนดีเป็นเพื่อน กัลยาณมิตร ก็คือ Connection นั่นเอง ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยง บาปมิตร คือ เพื่อนเลว และ พันธมิตร คือ เพื่อนที่ค้าขายกับเราแต่ไม่จริงใจกับเรา

สะ คือ สมชีวิตา การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง อย่าลงทุนเกินหน้าตัก จะลงทุนอะไรท่านสอนไว้ 3 คำ คือ มีเหตุผล พอประมาณ ทางสายกลาง

นี่คือ "หัวใจเศรษฐี" ที่ผมย่อมาเล่าให้ฟัง ถ้าอยากเห็น "หัวใจเศรษฐีของจริง" ท่านที่อยู่ ภาคเหนือ สามารถไปสัมผัสได้ทั้ง สินเชื่อธุรกิจ ซื้อบ้าน ซื้อรถ และ ลงทุนด้วยตัวเอง ดอกเบี้ยก็ถูกผลตอบแทนก็สูง ได้ที่ งานมหกรรมการเงิน Money Expo เชียงใหม่ 2010 ที่ เซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต งานจะมีวันนี้และพรุ่งนี้อีกสองวัน แล้วท่านอาจเป็น "เศรษฐีตัวจริง" ขึ้นมาก็ได้.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

ขออนุญาตคัดลอกบทความที่มีประโยชน์จาก 
http://www.thairath.co.th/content/129814

หลักการดูไก่พม่า100 แพ้ไก่เชิงไหนบ้าง

สูตรดูไก่ชน ป่าก๋อย-ไก่พม่า100 ของคุณประเภทไหนจะแพ้ไก่ชนทางไหน



1. ไก่พม่ายืนหยิบแทงจะแพ้ทางไก่ชนเชิงไทย
2. ไก่พม่าโยกหัวล่างขยับเตะจะแพ้ทางไก่พม่า
เดินจิ้มหยิบหน้าหงอนแทง
3. ไก่พม่าเดินจิ้มหยิบหน้าหงอนแทงจะแพ้ทางไก่พม่าโยก หลุด ลอด ถอด ถอย แข็งหน้าจัดๆ
4. ไก่พม่าเดินจิ้มหยิบหน้าหงอนเตะจะแพ้ทางไก่ไทยล็อก+ไก่มัด
5. ไก่ป่าก๋อยล็อก มุด มัด หรือเอี้ยวตีจะแพ้ทางไก่พม่าโยก หลุด ลอด ถอด ถอย ขยาย แข้งหน้าจัดๆ
6. ไก่ป่าก๋อยล็อก มุด มัด บด บี้ ขยี้ กัดแหลกจะแพ้ทางพวกไก่ม้าล่อวิ่งล่อตบ ทั้งสั้น ยาว
7. ไก่พม่าพวกวิ่งล่อตบ จะแพ้ทางไก่พม่าถอยตี ไม่วิ่งตาม ดักจังหวะเตะ
8. ไก่พม่าโยก ลอด ถอด ขยาย แข้งหน้าจัดจะแพ้ทางไก่ชนเชิงเดียวกันแต่จะเป็นตัวไหนใจเย็นกว่า
9. ไก่ชนหมดทั้งหลายนี้จะแพ้ทางเจ้าของไก่ชน ที่ใจร้อน ถือว่าไก่ชนกรูแน่ ชนแหลกเล็กใหญ่ไม่สนขอให้ได้ชนไว้ก่อน

คัดลอกบทความดีจากเวป พญาไก่ชน
http://payagaichan.blogspot.com

ความเป็นมาของ ไก่พม่า100

ความเป็นมาของ ไก่พม่า100.
ไก่พม่าความเป็นมานั้นไม่ชัดเจน แต่ตามมที่พูดกันต่อๆ มา ว่า เกิดจากไก่บ้าน ผสมกับไก่ป่า ทางเหนือ หรือพม่า ต้นแบบไก่พม่า 100 จะมีรูปร่างเล็ก บาง กระดูกเปราะ บาง เมื่อโดนไก่ไทย มุดมัดกอดตี มักเสียเชิง เสียคอ และไก่พม่า 100 จะพ่ายไปในที่สุด แต่เมื่อ เวลาผ่านไป คนไทยถือนัก ตบแต่งพันธุกรรม ขั้นสุดยอด สามารถ แยก และคัด สายพันธุ์ จนแตกแขนงออกเป็นสายๆ จนมาถึงปัจุบัน ทั้งพม่าหน้าตรง โยก ซ้ายขวา หน้าหงอนตี พม่าม้าล่อ ล่อสั้น ล่อยาว และอีกมากมาย ตามแต่จุดเด่น ของพม่าในแต่ล่ะเหล่า จนมีเหลือมแซง สายพันไทย ไปก็มาก แต่ก็นะ เมื่อมีแพ้ก็ต้อง มีแก้ได้ ไทยก็มีป่าก๋อย ที่แตกแขนงมาจาก ไก่ชนไทย 100 เรียกว่าไก่ชนเหล่าป่าก๋อย  ออกมาตีลำตัวจนพม่าตัวน่วมไปก็มี ถ้าไม่คมพอก็ตัวพัง จนเป็นมนต์ เสน่ห์ของไก่ชน ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ ให้เลือกใช้กันตามแต่ ใจใครชอบ